วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อูคูเลเล่: การดูแลรักษาอูคูเลเล่




การดูแล อูคูเลเล่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติ เพราะจะทำให้อูคูเลเล่ของเรามีเสียงที่ดีตลอดไป โดยวิธีการดูแลนั้นมีดังนี้

1. ควรเก็บ อูคูเลเล่ สุดที่รักไว้ในเคสหรือกระเป๋าจะเป็นแบบอ่อน หรือแบบแข็งก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรจะเป็นแบบแข็ง เพื่อป้องกันการตกกระแทก และกันรอยขีดข่วนและด้วยประสบการณ์ตรง การทำอูคูเลเล่สุดเลิฟตกจากที่เก็บของโดยใส่กระเป๋าแบบอ่อน ผลปรากฏว่า อูคูเลเล่สุดเลิฟ เกิดรอยร้าว ที่ลำตัวยาวประมาณ 7 cm เป็นอะไรที่ทรมานจิตใจมาก และหลังจากนั้นมาเครื่องดนตรีแทบทุกชิ้นก็เก็บในกระเป๋าแบบแข็งมาตลอด

2. เก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ร้อนเกินไป ในรถที่จอดตากแดด ห้ามเอาไปเก็บเด็ดขาด หรือในที่เย็นเกินไป ไม่ควรเก็บไว้ที่สูง เวลาตกมาจะไม่สายหายมาก

3. ถ้ารู้ว่าจะไม่ได้เล่น อูคูเลเล่นานๆ เช่นเป็นครึ่งเดือน หรือเป็นเดือน ควรผ่อนสายให้หย่อน เพื่อเป็นการถนอมสายและคอ อูคูเลเล่ และลูกบิด
4. อูคูเลเล่ ไม่ควรโดนน้ำ ดังนั้นเมื่ออูคูเลเล่เปืยกน้ำ ควรเช็ดให้แห้ง โดยใช้ผ้านุ่มๆเช็ด เช่นผ้า micro fiber
เพียงเท่านี้ อูคูเลเล่ สุดที่รักของคุณ จะมีเสียงที่ไพเราะไปอีกนาน
ที่มาจาก : เว็บไซต์ siramusic ดอทเนต

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การเลือกซื้ออูคูเลเล่

1. ตัว Body อูคูเลเล่ มีผลต่อคุณภาพเสียงมากที่สุด เสียงจะเพราะมากเพราะน้อย นั้น ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาประกอบ
เป็น Body โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไม้จริง (Solid Wood) กับไม้อัด (Laminated Wood)
-  
Laminated ไม้อัด ทำจากไม้อัดและมีการปิดผิวชั้นบนด้วยไม้ เสียงจะแตกต่างไปตามประเภทของไม้ เช่น
ปิดผิวไม้ Mahogany จะให้เสียงนุ่ม ๆ ปิดผิวไม้ Sprunce จะให้เสียงแบบพุ่ง

-  Solid ไม้จริง จะให้เสียงไพเราะ มีความก้องกังวานใส ยิ่งเก็บยิ่งเสียงกังวานมากขึ้น เอกลักษณ์ของเสียงจะแตกต่าง
ไปตามประเภทของไม้เหมือนกันครับ ไม้ Mahogany จะให้เสียงนุ่ม ๆ ไม้ Sprunce จะให้เสียงแบบพุ่ง ๆ
ไม้ Maple ให้เสียงใส ๆ แต่ราคาก็จะสูงไปตามคุณภาพ และความหายากง่ายของไม้ประเภทต่าง ๆ เช่น ไม้ Koa
จะมีราคาแพงที่สุด เพราะเป็นไม้ที่มีเฉพาะใน ฮาวาย และเป็นไม้หายาก

2. 
FingerBoard และ Bridge Ukulele เกรดระดับกลางขึ้นไป ส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้ Rosewood มาเป็นส่วนประกอบ
ที่ Fingerboard และ Bridge เพราะจะมีอายุการใช้งานที่นาน มีคุณสมบัติที่แข็งแรง และทนต่อการสึกหรอ

3
. เฟรต เป็นปัญหาที่พบบ่อยของ อูคูเลเล่ คืออาการติดเฟรต ซึ่งลักษณะอาการติดเฟรต จะมีเสียงแปร่ง ๆ แตก ๆ
ดังออกมาเวลากดคอร์ด เล่นคอร์ด หรือเล่นเมโลดี้ วิธีการเช็คเฟรตไม่ยาก กดสายให้อยู่ตรงกลางช่องเฟรต และดีด
ไล่เฟรตไปทีละเฟรตทีละสาย จนครบ ถ้าไม่เจอปัญหาก็วางใจได้

4. 
ขนาดของ อูคูเลเล่ มีทั้งหมด 5 ขนาด ด้วยกัน
     1. Sopranino
     2. Soprano
     3. Concert
     4. Tenor
     5. Baritone
แต่ที่นิยมเล่นกัน มี

- Soprano (21 นิ้ว) มีขนาดตัวที่เล็ก ให้เสียงออกโทนแหลมๆ เล็กๆ ใสๆ และเนื่องจากขนาดตัวที่เล็ก จึงทำให้
finger board เล็กตามไปด้วย จะมีจำนวนเฟรต 12 เฟรต แต่ผู้ผลิตบางที่ ก็เริ่มมีการออกแบบให้มี 15 เฟรต เพื่อรองรับ
การเล่น ที่หลากหลายขึ้น ดังนั้น อูคูเลเล่ขนาด Soprano แบบดั้งเดิม ที่มี 12 เฟรต จึงเหมาะในการเล่นสไตล์ ตีคอร์ด
ร้องเพลง และง่ายต่อการพกพาไปเที่ยวในที่ต่างๆ ส่วนถ้าใครชอบแบบมีโซโล่เพิ่มเติม ก็เลือกหารุ่นที่มีจำนวนเฟรต
เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถเล่นโน้ตได้มากขึ้น

- Concert (23 นิ้ว) มีขนาดที่ใหญ่กว่า soprano จึงทำให้เสียงออกโทนทุ้มๆ ขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ยังให้อารมณ์ใสๆ
ของ soprano เช่นกัน ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้ finger board ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และจำนวนเฟรตก็จะมีเพิ่มขึ้น
เป็น 14 ถึง 17 เฟรต แล้วแต่การดีไซน์ ซึ่งก็จะรองรับการเล่นสไตล์ finger picking (แบบเมโรดี แบบโซโล) ได้มากขึ้น

- Tenor (26 นิ้ว) มีขนาดใหญ่กว่า Concert เสียงจะออกทุ้มๆ นุ่นๆ ใกล้เคียงเสียงกีตาร์ (เสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพเสียง
ของไม้แต่ละชนิด) มี 17-19 เฟรต และรองรับการเล่น finger picking (แบบเมโรดี แบบโซโล) ได้เป็นอย่างดี
เพราะขนาด finger board ที่ใหญ่ขึ้นตามขนาดตัว ซึ่งนักดนตรีมืออาชีพ จะนิยมเล่นกัน

5.
สายอูคูเลเล่ คุณภาพสายก็มีผลกับเสียงเช่นกัน สายแต่ละยี่ห้อแต่ละชนิดให้เสียงที่แตกต่างกัน  สายที่นิยมคือ สายยี่ห้ออคิรา (Aquila string) คุณสมบัติสายจะนิ่มและให้เสียงที่ใสกังวาล

ในการเลือกขนาดของอูคูเลเล่ เบื้องต้นดูที่ขนาดของนิ้วมือ สรีระของผู้เล่น ถ้าเป็นคนนิ้วมือใหญ่ ตัวใหญ่ ช่วงเริ่มฝึกเล่น ขอแนะนำขนาดคอนเสิร์ต จะได้จับถนัดมือและไม่อึดอัดในการเล่น  จะได้มีความสุขกับการเล่นเจ้าอูคูเลเล่ตัวน้อยของเราอย่างมีความสุข


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เด็กดีดอทคอม

ประวัติอูคูเลเล่


ถ้าพูดถึงเครื่องดนตรีที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมในเมืองไทยเวลานี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นเจ้าเครื่องดนตรีรูปทรงละม้ายคล้ายกับกีตาร์แต่ขนาดเล็ก กว่าที่เรียกว่า อูคูเลเล่ อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มันกำลังได้รับความสนใจในวงการดนตรีและนักดนตรีมือสมัครเล่นทั้ง หลายอย่างมากมาย ด้วยเสียงอันไพเราะเหมือนกีตาร์แต่ทว่าพกพาได้ง่ายกว่า ที่สำคัญ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะได้รับความนิยมแซงหน้ากีตาร์ในเร็ว ๆ นี้ซะด้วยสิ เอ้า! เมื่อได้รับความสนใจมากขนาดนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาดที่จะเอาเรื่องราวของเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ มาฝากกันค่ะ

          Ukulele (อูคูเลเล่) เป็นเครื่องดนตรีที่มีต้นกำเนิดมาจากฮาวาย ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 19 หรือเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน โดยเริ่มจากที่นักดนตรีโปรตุเกสคนหนึ่งที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังชาย ฝั่ง Hanolulu ของฮาวาย และหอบเอาเครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์จิ๋วที่เรียกว่า Cavaquinho มาด้วย จนสร้างความสนใจให้กับชาวพื้นเมืองฮาวายเป็นอย่างมากในสมัยนั้น และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงเครื่องดนตรีจากโปรตุเกสดังกล่าวให้กลายเป็น อูคูเลเล่ ใช้สำหรับให้ความบันเทิงและสนุกสนานในหมู่เกาะฮาวาย และมันก็ถูกนำไปใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่เกาะนับตั้งแต่นั้นมา จนเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950 ได้มีการนำอูคูเลเล่ไปเล่นทั่วโลก และได้รับความนิยมอย่างมากมาย จึงทำให้อูคูเลเล่เปลี่ยนจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองฮาวาย กลายมาเป็นเครื่องดนตรีสากลในที่สุด

          อูคูเลเล่ ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในช่วงปี 1960-1985 เมื่อมีนักดนตรีชื่อดังหลายคนนำเครื่องดนตรีชนิดนี้ไปประกอบเพลง เช่น เจค ชิมาบุคุโร, จอร์จ แฮร์ริสัน, ซารา วัตกินส์ เป็นต้น ทำให้หลาย ๆ คนสรรหาเครื่องดนตรีชนิดนี้มาไว้ในครอบครองบ้าง ด้วยความที่มันเป็นเครื่องดนตรีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก และมีเสียงนุ่มไพเราะเหมือนกับกีตาร์ อีกทั้งยังสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบอูคูเลเล่ จึงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย

ที่มา : learners ดอทคอม